เทคโนโลยี 5G, ยุค 5G, Wifi 5Gz ไม่เหมือนกันนะ!
บทความนี้จะอธิบายความหมายของคำ 3 คำที่เกี่ยวข้องกับ 5G ว่ามีความแตกต่าง หรือเกี่ยวข้องกันอย่างไรบ้างเริ่มจากคำว่า เทคโนโลยี 5G กันก่อนเลย
เทคโนโลยี 5G
ถ้าในความหมายของระบบสื่อสารโทรคมนาคมแล้วนั้น จะเป็นการต่อยอดเทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลจากระบบ 4G หรือ LTE จากที่เราเคยรับส่งข้อมูลกันเฉลี่ยระดับ 10 Mbps มาเป็นหลัก หลาย 100Mbps (อ้างอิง)
ซึ่งเทคโนโลยี 5G นี้ก็ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพความเร็วในการรับส่งข้อมูล ลดความหน่วง และเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายได้มากขึ้น 100 เท่า การเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้มากขึ้นทำให้ 5G สามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้งานกับอุปกรณ์ IOT อื่นๆได้อยากมากมายมหาศาลได้อีกด้วย เช่น แว่น AR, นาฬิกา, CPE Router และ เซนเซอร์ตรวจวัดต่างๆ
ยุค 5G
ต่อมาคือคำว่า “ยุค 5G” สืบเนื่องจากหลายคนได้มีความเข้าใจว่าเทคโนโลยี AR, VR, AI และ IOT นั้นมาพร้อมๆกับเทคโนโลยี 5G ซึ่งในความเป็นจริงเทคโนโลยีเหล่านี้ มีมานานแล้ว เกิดขึ้นมาก่อน 5G เสียอีก แต่เนื่องจากการมาของ 5G เหล่านี้ก็ได้เป็นการกระตุ้นให้เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นที่รู้จักมากขึ้น เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ทำงานได้ดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานภายนอกอาคาร อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี AR, VR, AI, IOT ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี 5G ก็สามารถทำงานได้ เช่น Application AR ใน Smart Phone ที่จำลองภาพสามมิติ ให้เสมือนมีวัตถุมาตั้งอยู่ตรงหน้า เราสามารถ Down Load Video AR ได้ผ่านทาง 4G หรือ Internet Wifi ก็ได้ อีกตัวอย่างหนึ่งคือ IOT ที่มีมานานแล้วเช่นการสื่อสารระหว่างตู้ ATM เครื่องรูดบัตร ที่มีมาตั้งแต่สมัย 2G
แล้วความหมายของยุค 5G จริงๆ คืออะไรล่ะ? มันก็คือยุคที่มีการวางเครือข่าย 5G ในเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ปี 2020 ซึงเป็นยุคช่วงเวลาเดียวกันกับ Covid-19 นั่นเอง ซึ่งอีกใน 10 ปีข้างหน้าคำว่ายุค 5G ก็จะหายไป สืบเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าเทคโนโลยี 6G ที่จะมาแทนที่นั่นเอง แต่ที่ผู้เขียนตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเนื่องจากต้องการเพียงอธิบายว่าไม่ว่าจะเป็น AR, VR, AI, IOT หรือหุ่นยนต์ที่ล้ำสมัยนั้น ก็อาจจะเป็นคนละอันกับเทคโนโลยี 5G ก็เป็นได้
Wifi 5G
สำหรับ Wifi 5G โดยที่ 5G ในอุปกรณ์ Wifi ก็คือ Wifi ที่ใช้คลื่นความถี่ย่าน 5GHz ในการรับส่งข้อมูล ซึ่งก่อนหน้านี้ เราจะใช้ความถี่ 2.4GHz ในการรับส่งข้อมูลเท่านั้น โดยตัว G ในที่นี้ ก็ย่อมาจาก Giga ที่แปลว่า พันล้าน ซึ่งหลายคนมักจะพลาดในเวลาสั่งซื้ออุปกรณ์โดยเฉพาะจากต่างประเทศที่มักจะทำให้ผู้ซื้อเข้าใจผิดว่าเป็นอุปกรณ์ 5G อย่างที่ต้องการ ซึ่งอาจจะมีตั้งใจ และไม่ตั้งใจ ดังตัวอย่างอุปกรณ์ 5G Wifi Router ที่ประกาศขายอยู่ในเว็บไซท์ของต่างประเทศ ตามด้านล่าง ซึ่ง Logo 5G ที่เห็นก็เป็นโลโก้จริงๆ ของเทคโนโลยี 5G ด้วยสิ
แต่เอ๊ะ เมื่อซูมดูใกล้ๆ คุณก็จะเห็นคำว่า wifi ซ่อนอยู่ตัวเล็กๆ
นั่นเป็นเพราะทางผู้ผลิตต้องการที่สร้างความสับสนให้กับเรานั่นเอง แล้วถ้าแบบนี้ เราจะดูอย่างไร ว่าอุปกรณ์ที่เราซื้อนั้นเป็นอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี 5G
จุดสังเกตุแรก เราต้องดูในรายละเอียดของตัวสินค้าครับ ว่ามีข้อมูลด้าน Specification อยู่หรือเปล่า ซึ่งใน Specification จะมีรายละเอียดเรื่องความถี่ ที่ใช้ว่าอยู่ในย่านใดบ้างยกตัวอย่างในรูป จะเห็นว่ามีรายละเอียดรองรับเทคโนโลยี 5G ดังนี้
Bands คือย่านความถี่ 5G ที่จะมีตัวอีกษร n หรือ N ตามด้วยตัวเลขต่างๆ ซึ่ง N นี้ย่อมากจาก “New Radio” ก็คืออีกชื่อหนึ่งของ 5G ก็เหมือนกับ LTE คือ 4G นั่นเอง ส่วนแต่ละ N คือความถี่ย่านไหนบ้าง กรุณาอ่านต่อจาก ที่นี่
อีกจุดสังเกตุหนึ่งก็จะเป็นเรื่องของราคา ซึ่ง ณ วันที่ผู้เขียน เขียนบทความนี้ เราจะไม่เห็นอุปกรณ์ 5G ราคาที่ต่ำกว่า 5,000 บาท เนื่องด้วยราคา Chipset ที่ยังคงสูงอยู่เพราะ เป็นเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งผู้นำการผลิต Chipset 5G ในท้องตลาดยังคงเป็น Qualcom(US) และ Mediatek(Taiwan) ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข็งทางการค้ากับค่ายจีน ดังนั้น ถ้าเห็นอุปกรณ์ 5G ที่ราคาถูกกว่า 5,000 บาทให้สงสัยเอาไว้ก่อนเลย
ถ้าหากท่านต้องการปรับเปลี่ยนการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ใช้งานเดิม ผ่านเครือข่ายเทคโนโลยี 5G จริง สามารถที่จะนำ Ultimate 5G Connect™ ไปใช้งานได้ ไม่ว่าจะเชื่อมต่อผ่าน LAN หรือ Wifi ก็ได้ แล้วท่านจะได้พบกับประสบการณ์ความเร็ว และความหน่วงที่ดีขึ้นอย่างรู้สึกได้ ด้วยประสิทธิภาพจากเครือข่าย 5G